สมัครบาคาร่าออนไลน์ สมัครสมาชิกบาคาร่าออนไลน์ ทีมงานดูแลตลอด 24 ชม

สมัครบาคาร่าออนไลน์ สมัครสมาชิกบาคาร่าออนไลน์ ทีมงานดูแลตลอด 24 ชม

ธุรกิจ

ธุรกิจปรับแนวรุก รับมือ นทท. Come Back

ธุรกิจปรับแนวรุก รับมือ นทท. Come Back

เปิดเคสธุรกิจ ปรับตัว ปรับกลยุทธ์ ช่วงโควิดระบาดหนัก เพื่อเตรียมความพร้อมความแข็งแกร่ง กลับมาเปิดเกมรุกอีกครั้งหลังโควิดเริ่มซาลง รวมทั้งการที่จีนเปิดให้ชาวจีนเดินทางท่องเที่ยวต่างประเทศได้เมื่อเดือนที่แล้ว เป็นแรงส่งอย่างดีที่ทำให้ธุรกิจไทยและทั่วโลกกลับมาคึกคักอีกครั้ง

หลังเผชิญวิกฤตโควิด-19 มากว่า 2 ปี อุตสาหกรรมท่องเที่ยวไทยกำลังจะกลับมาคึกคักอีกครั้ง จากภาพรวมเศรษฐกิจที่เริ่มส่งสัญญาณบวก พร้อมปัจจัยสนับสนุนจากการผ่อนคลายมาตรการควบคุมโรคระบาด รวมถึงการเปิดประเทศของหลายประเทศ และเชื่อว่ามีแนวโน้มฟื้นตัวดีขึ้นอย่างต่อเนื่องในปี 2566

อีกทั้งเมื่อรัฐบาลจีนประกาศยกเลิกมาตรการกักตัวผู้ที่เดินทางจากต่างประเทศ และอนุญาตให้ชาวจีนเดินทางท่องเที่ยวต่างประเทศได้ มีผลเมื่อวันที่ 8 มกราคม 2566 โดยจะส่งผลดีต่อประเทศไทยและเศรษฐกิจไทยอย่างมาก เนื่องจากจีนเป็นกลุ่มเป้าหมายสำคัญด้านการท่องเที่ยวและการลงทุนของไทย

ธุรกิจ

จากข้อมูลศูนย์วิจัยกสิกรไทยระบุว่า ในปี 2566 คาดว่าจะมีนักท่องเที่ยวต่างชาติเข้ามาเที่ยวในประเทศไทยมากถึง 20-24 ล้านคน ประเมินการใช้จ่ายของชาวต่างชาติมูลค่าประมาณ 0.84-1.01 ล้านล้านบาท แม้ว่าแนวโน้มจะดีขึ้น แต่ตัวเลขยังคงอยู่ระดับต่ำกว่าก่อนการระบาดของโควิด-19

อีกทั้งสภาพแวดล้อมของตลาดยังมีปัจจัยท้าทายหลากหลาย โดยเฉพาะความเสี่ยงจากแนวโน้มเศรษฐกิจหลักของโลกอย่างในสหรัฐฯ และยุโรปหลายประเทศเข้าสู่ภาวะถดถอย ความเสี่ยงต่อการฟื้นตัวของรายได้และการมีงานทำ รวมถึงปัญหาค่าครองชีพที่ยังทรงตัวสูง ทำให้ผู้ประกอบการธุรกิจท่องเที่ยวยังคงต้องมีแผนการบริหารความเสี่ยงรองรับเพื่อให้เท่าทันสถานการณ์ที่เปลี่ยนแปลงและไม่กระทบสภาพคล่องของธุรกิจ ทั้งการเจาะตลาดนักท่องเที่ยวต่างชาติหลากหลายมากขึ้นเพื่อกระจายความเสี่ยง รวมถึงการศึกษาทิศทางของตลาดเพื่อพัฒนาผลิตภัณฑ์ และบริการตอบโจทย์ความต้องการของนักท่องเที่ยว สำคัญที่สุดคือมาตรฐานความปลอดภัยและคุณภาพการให้บริการยังเป็นสิ่งจำเป็น

มร.แกรี่ เมอร์เรย์ (Mr.Gary Murray) ประธานเจ้าหน้าที่บริหารและผู้ก่อตั้ง (CEO & Founder) เดสติเนชั่น กรุ๊ป (Destination Group) หนึ่งในธุรกิจที่ปรับตัวอย่างหนักในช่วงโควิดที่ผ่านมาประกอบธุรกิจพักผ่อนและสันทนาการในภูมิภาคเอเชียแปซิฟิก ดำเนินธุรกิจ 5 กลุ่มหลัก ได้แก่ 1. โรงแรม (Hotels) 2. โฮสเทล (Collective Hospitality) 3. ร้านอาหารและเครื่องดื่ม (Food & Beverage) 4. การจัดงาน Event 5. Travels & Tour ในช่วง 2-3 ปีที่ผ่านมา กลุ่มบริษัท Destination ได้เรียนรู้และพัฒนาตัวเอง เพื่อสร้างความเจริญเติบโตอย่างแข็งแรง แข็งแกร่งรอบด้าน และก้าวสู่บริษัทที่สามารถสร้างผลกำไรได้มากขึ้น

โดยมีสำนักงานใหญ่ทำหน้าที่เป็นศูนย์กลางในการบริหารจัดการสถานที่ให้บริการทุกแห่งภายใต้กลุ่มบริษัท ลดจำนวนพนักงาน แต่เพิ่มศักยภาพให้บุคลากรทำงานได้หลากหลายมากขึ้น ทั้งในส่วนของโรงแรม ร้านอาหาร ที่พักโฮสเทล เพื่อให้การดำเนินงานเป็นไปอย่างเต็มประสิทธิภาพและเพิ่มขีดความสามารถในการทำกำไรให้กับทุกกิจการ

ด้วยศักยภาพของธุรกิจ ตั้งแต่การเลือกโลเกชันที่เป็นจุดศูนย์กลางสถานที่ท่องเที่ยว แบรนด์ที่แข็งแกร่ง ประกอบกับกลยุทธ์ของแต่ละกลุ่มธุรกิจที่มีคอนเซ็ปต์ชัดเจน เช่น กลุ่มโรงแรม นำเสนอแพกเกจการท่องเที่ยวที่มีเอกลักษณ์เฉพาะตัว ด้วย Siam Adventure Club สร้างจุดเด่นให้นักท่องเที่ยวเกิดแรงจูงใจที่จะเดินทางมาไทย เน้นการสร้างประสบการณ์ ความสนุกสนาน ให้แก่ลูกค้าที่มาแบบครอบครัว

กลุ่มโฮสเทล นำจุดแข็งในการบริหารโรงแรมมาบริหารโฮลเทส เพิ่มจุดขายที่น่าดึงดูด คือ ปาร์ตี้ ความสนุกสนาน ตอบโจทย์นักท่องเที่ยวรุ่นใหม่ที่มีบทบาทสำคัญในภาคการท่องเที่ยวมากขึ้นโดยเฉพาะกลุ่ม Gen Y และ Gen Z ที่ให้ความสำคัญต่อการท่องเที่ยวมากกว่าคนรุ่นก่อน อีกทั้งเป็นนักท่องเที่ยวที่มีกำลังซื้อสูงขึ้นเรื่อยๆ ทั้งนี้ การจองห้องพักของทั้งโรงแรมและโฮสเทลเต็มไปจนถึงเดือนมีนาคม ปี 2566 โดยบริษัทมีแผนเพิ่มโฮสเทลเป็น 100-120 แห่ง จำนวนเตียงกว่า 10,000-12,000 เตียง ซึ่งจะทำให้เดสติเนชั่น กรุ๊ป เป็นโฮสเทลที่มีจำนวนเตียงมากที่สุดเป็นอันดับ 1 ของโลก

ด้านธุรกิจร้านอาหารและเครื่องดื่ม บริษัทปรับเปลี่ยนแบรนด์ที่มีอยู่ให้กลายเป็น Cloud Kitchen เพื่อจัดส่งออนไลน์ผ่าน Grab, Food Panda และอื่นๆ ดำเนินการเตรียมอาหารออกจากครัวกลางที่เดียว ปัจจุบัน บริษัทมีครัวกลางจำนวน 4 แห่งในกรุงเทพฯ และมีแผนจะขยายไปยังส่วนอื่นๆ ของประเทศไทยในปี 2566 นอกจากนี้ บริษัทเข้าซื้อกิจการ Scoozi Pizza ในปี 2564 ปัจจุบันสามารถสร้างแบรนด์ให้กลับมาทำกําไรได้อีกครั้ง และเตรียมพร้อมเริ่มต้นแคมเปญ แฟรนไชส์ทั่วประเทศไทยเพื่อเปิดร้านอาหารเพิ่มเติมในตลาดใหม่ในปี 2566 เช่นกัน

ในปีนี้บริษัทมั่นใจว่าธุรกิจท่องเที่ยวจะกลับมาเติบโตเป็นอย่างมาก ซึ่งจะถือเป็นปีที่ดีของกลุ่มธุรกิจเดสติเนชั่น กรุ๊ป โดยบริษัทพร้อมที่จะก้าวเข้าสู่เส้นทางใหม่ในธุรกิจบริการอย่างเต็มที่ มุ่งเน้นปั้นแบรนด์ที่ดีมีศักยภาพ ภายใต้การบริหารจัดการที่มีประสิทธิภาพ รวมถึงในการทำรีแบรนดิ้ง ต่อยอดสร้างมูลค่ารากฐานให้กลุ่มลูกค้าที่สนใจสานต่อธุรกิจในอนาคต

นายปรีดิกร บูรณุปกรณ์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท อรสิริน โฮลดิ้ง จํากัด ผู้บริหารโครงการที่อยู่อาศัยแนวราบ-สูง บนทำเลศักยภาพของจังหวัดเชียงใหม่ กล่าวว่า เชื่อมั่นว่าสถานการณ์อสังหาริมทรัพย์ปี 2566 จะเริ่มกลับมาเติบโตอย่างต่อเนื่อง เพราะเศรษฐกิจจะดีขึ้นและคนมีกำลังซื้อมากขึ้น อีกทั้งสัญญาณตลาดที่ดีขึ้น เมื่อรัฐบาลจีนและอีกหลายประเทศประกาศเปิดประเทศ สามารถเดินทางเข้าท่องเที่ยวได้ โดยไม่ต้องกักตัว ส่งผลให้นักธุรกิจต่างประเทศออกมาลงทุนอสังหาฯ เพิ่มมากขึ้น ซึ่งลูกค้าของอรสิรินมีหลายกลุ่ม ทั้งชาวไทย 70% และต่างชาติ 30% โดยที่อยู่อาศัยแนวสูงแบ่งเป็นลูกค้าที่ซื้อเพื่อลงทุน 70% และอยู่อาศัยจริง 30% ส่วนที่อยู่อาศัยแนวราบอยู่อาศัยจริง 100%

ล่าสุดบริษัทเปิดตัว โครงการ คอนโดมิเนียมลักชัวรี The Astra Sky River ชูจุดแข็งทำเลที่ตั้ง ไพรม์โลเกชันของจังหวัดเชียงใหม่ มั่นใจจากความสำเร็จของ The ASTRA 1 คอนโดฯ ถ.ช้างคลาน ซึ่งเป็นโครงการแรกที่ได้รับผลตอบรับดีมาก ยอดขายเกือบหมด เหลืออีกประมาณ 30 ยูนิต มั่นใจว่า The Astra Sky River สามารถรองรับความต้องการของกลุ่มเป้าหมายชาวต่างชาติ และชาวไทย ตอบโจทย์ทุกไลฟ์สไตล์คนเมืองได้อย่างครบวงจร โดยโครงการเสร็จสมบูรณ์ 100% ตอนนี้ยอดขายอยู่ที่ 70% แล้ว จากจำนวนมี 520 ยูนิต กลายเป็นโอกาสทำโครงการนี้ขึ้นมารองรับ และปลายปี 2565 ที่ผ่านมายอดขายช่วงแกรนด์โอเพนนิ่งเพิ่มขึ้นอีกประมาณ 20-30 ยูนิต และคาดสามารถปิดการขายประมาณอย่างช้าในปี 2567

นายปรีดิกรกล่าวเสริมว่า สถานการณ์อสังหาริมทรัพย์จังหวัดเชียงใหม่มี Database ของการค้นหาข้อมูลเป็นอันดับ 2 รองจากกรุงเทพฯ ยังมีทำเลอำเภอเมือง อำเภอสันทราย อำเภอสารภี ที่ยังเป็นที่ต้องการอยู่ และเทรนด์ในเรื่องของ Wellness City การดูแลผู้สูงวัย ในเรื่องของ hospitality ต่างๆ ตรงนี้ยังเป็นจุดที่ยังเป็นความต้องการของจังหวัดเชียงใหม่

จากสัญญาณตลาดที่ดีขึ้น รวมทั้งนักธุรกิจจีนและต่างชาติที่ออกมาลงทุนต่างประเทศ ที่ต้องการที่อยู่อาศัยระยะยาวและเป็นบ้านพักตากอากาศ ส่งผลให้บ้านที่เป็นระดับ Luxury จะขายดีแน่นอน เพราะคนจีนและชาวต่างชาติเป็นกลุ่มที่มีกำลังซื้อสูง กลายเป็นโอกาสการในเติบโตให้บริษัท

นอกจากโครงการ The ASTRA Sky River ที่เปิดแล้ว อรสิรินมีเปิดโครงการบ้านเดี่ยว THE ESCAPE (MAHIDOL) MODERN LUXURY POOL VILLA ราคา 20-30 ลบ. มูลค่าโครงการ 500 ลบ. และบ้านสไตล์โมเดิร์นญี่ปุ่น ทำเลถนนวงแหวนรอบ 2 ใกล้แยกรวมโชค ราคา 4.29-8 ล้านบาท มูลค่าโครงการ 350 ลบ.

สำหรับแผนลงทุนปี 66 เตรียมไว้ 7 โครงการทั้งแนวราบและคอนโดมิเนียมโลว์ไรส์ ที่มีจำนวนชั้นไม่มาก รวมมูลค่าโครงการกว่า 4,700 ล้านบาท โดยจะเจาะเทรนด์ใหม่ๆ เช่น แบบบ้านสไตล์ญี่ปุ่น และมีแผนเตรียมทำที่พักอาศัย Wellness เฮาส์ซิ่ง เพื่อที่จะดูแลบุคคลผู้สูงอายุ รองรับความต้องการของกลุ่มลูกค้าที่หลากหลาย

นายโทนี่ เฟอร์นานเดส ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร กลุ่มสายการบินแอร์เอเชีย กล่าวว่า กลุ่มสายการบินแอร์เอเชียได้ผ่านวิกฤตที่สร้างความเสี่ยงให้แก่ธุรกิจจากการแพร่ระบาดของโควิด-19 ในช่วงที่ผ่านมา ส่งผลให้บริษัทต้องปรับเปลี่ยนแนวทางการดำเนินธุรกิจให้สอดคล้องกับสถานการณ์ที่เปลี่ยนแปลงไปในช่วงนั้นๆ ด้วยการเพิ่มธุรกิจใหม่เข้ามาเสริมศักยภาพใน Ecosystem คือ โลจิสติกส์ ซึ่งเป็นหนึ่งในธุรกิจที่มีการเติบโตมากในช่วงที่ผ่านมา และช่วยเข้ามาชดเชยรายได้ที่หายไปจากธุรกิจสายการบินในช่วงโควิด-19

ขณะเดียวกัน ยังมีการพัฒนาและปรับปรุงแอปพลิเคชันของแอร์เอเชียครั้งใหญ่ให้กลายเป็น “ซูเปอร์แอป” สู่ airasia super App ที่ครอบคลุมบริการจองตั๋วเครื่องบินทั้งสายการบินของแอร์เอเชีย และสายการบินอื่นๆ จองโรงแรม บริการรถแท็กซี่ บริการฟูดดีลิเวอรี และบริการขายประกัน รวมถึงขยายบริการด้าน Wallet ผ่าน bigpay by airasia เพื่อสร้างประสบการณ์ที่สะดวกให้แก่ลูกค้าที่เป็นแฟนคลับของแอร์เอเชีย สามารถใช้บริการได้ง่าย สะดวก และครบวงจรมากขึ้นในที่เดียว

ด้านธุรกิจสายการบินแอร์เอเชีย ซึ่งเป็นธุรกิจหลักของกลุ่ม Capital A ได้เห็นการฟื้นตัวกลับมาที่ดีขึ้น หลังจากหลายประเทศในอาเซียนกลับมาเปิดประเทศ รวมถึงประเทศในภูมิภาคอื่นๆ อย่าง เอเชียเหนือ ยุโรป ออสเตรเลีย และนิวซีแลนด์ ทำให้ช่วงปลายปีนี้มีผู้ใช้บริการเดินทางสายการบินเพื่อท่องเที่ยวเพิ่มขึ้นมาก ทำให้จำนวนเที่ยวบินของกลุ่มแอร์เอเชียกลับมาเพิ่มขึ้นมาก

และเชื่อมั่นว่าในปี 66 จะเป็นปีที่กลุ่มสายการบินแอร์เอเชียกลับมาสร้างผลการดำเนินงานอย่างแข็งแกร่ง ตามแนวโน้มการเดินทางท่องเที่ยวที่กลับมาคึกคักมากขึ้น และยังจะมีปัจจัยบวกจากโอกาสที่จีนจะกลับมาเปิดประเทศ หลังจากเริ่มเห็นสัญญาณการผ่อนคลายควบคุมโควิด-19 มากขึ้น

“โควิด-19 เป็นปัจจัยที่สร้างผลกระทบช็อกโลกมาค่อนข้างมากแล้วในช่วงที่ผ่านมา เชื่อว่าปี 2023 จะเป็นปีที่หลายๆ อย่างที่ดีมากขึ้น แต่ก็ยังเผชิญกับความไม่แน่นอนอยู่ได้ เพราะยังมีประเด็นเรื่องความผันผวนของราคาสินค้าโภคภัณฑ์ที่เราก็ไม่รู้ว่าทิศทางจะเป็นอย่างไร ปัจจัยภูมิรัฐศาสตร์ที่สร้างความไม่แน่นอนในเรื่องการวางแผนธุรกิจ และกระทบอัตราแลกเปลี่ยนด้วย แต่ก็เป็นสิ่งที่เราจัดการและพยายามบริหารจัดการให้อยู่ในจุดที่ดี ซึ่งเราต้องมาโฟกัสการบริหารจัดการและปรับเปลี่ยนให้ทันต่อสถานการณ์ให้ได้” นายโทนี่กล่าว

ติดตามข่าวอื่นๆ ที่น่าสนใจได้ที่นี่ : “สนธิรัตน์” ยันสร้างอนาคตไทยไม่แพแตก เตรียมเปิดข่าวดี

ธุรกิจ

“สนธิรัตน์” ยันสร้างอนาคตไทยไม่แพแตก เตรียมเปิดข่าวดี

“สนธิรัตน์” ยัน “สร้างอนาคตไทย” เดินต่อการเมือง “ไม่แพแตก” แย้ม ดีลรวมพรรคคืบหน้า พร้อมเปิดข่าวดีเร็วๆ นี้ ลั่น “นิพิฏฐ์” ไขก๊อก ไม่กระทบพรรคทั้งภาพรวม

 

ธุรกิจ

 

และพื้นที่ภาคใต้ แจงมีคนที่มีความสามารถ และเหมาะสมทำงานแทน วันนี้ (14 ธ.ค.65) ที่ทำการพรรคสร้างอนาคตไทย นายสนธิรัตน์ สนธิจิรวงศ์ เลขาธิการพรรคสร้างอนาคตไทย ให้สัมภาษณ์สื่อมวลชน ถึงกรณีที่มีกระแสข่าวการดีลควบรวมพรรค และการย้ายออกของคนในพรรคสร้างอนาคตไทย ว่า พรรคสร้างอนาคตไทยยังเดินหน้าทางการเมืองเหมือนเดิม ไม่มีอะไรเปลี่ยนแปลง ตนขอย้ำว่า พรรคไม่ได้มีปัญหาใดๆ และไม่ได้เป็นไปตามกระแสข่าวต่างๆ พรรคอยู่ในการปรับยุทธศาสตร์ให้สอดรับกับสถานการณ์ ส่วนกรณีการพูดคุยเจรจากับพรรคการเมืองตามเป็นข่าวนั้น ขณะนี้มีความคืบหน้าเป็นไปในทิศทางที่ดี ซึ่งคาดว่าพรรคจะมีการเปิดเผยข่าวดีในเร็วๆ นี้

ทั้งนี้ ต่อกรณีที่การลาออกของนายนิพิฏฐ์ อินทรสมบัติ อดีตรองหัวหน้าพรรค และประธานยุทธศาสตร์ภาคใต้ นั้น เลขาธิการพรรคสร้างอนาคตไทย ยืนยันว่า เป็นการแยกจากกันด้วยดี และมีความเข้าใจที่ดีต่อกัน ด้านการบริหารโครงสร้างที่วางไว้มีความพร้อมรับการปรับเปลี่ยนแปลง และไม่ได้ส่งผลกระทบใดๆ ต่อการทำงานของพรรคทั้งในส่วนภาพรวม และในพื้นที่ภาคใต้ เนื่องจากพรรคมีบุคลากรที่มีความรู้ ความสามารถที่ทำงานร่วมกับพรรคยังเดินหน้าตามทิศทางของพรรคต่อไป และมีผู้ที่จะมารับผิดชอบงานในส่วนของนายนิพิฏฐ์อยู่แล้ว ซึ่งไม่ทำให้การดำเนินงานของพรรคเกิดการสะดุดหรือมองว่าเป็นอุปสรรคปัญหาใดๆ อีกทั้งหากปรับยุทธศาสตร์เรียบร้อยพรรคจะเข้มแข็งมากขึ้นในพื้นที่ภาคใต้